รูปที่ 1 : ตั้งค่าระบบเครือข่ายของคุณให้ไปใช้ Wireless Protected Access 2 ในหน้าตั้งค่าระบบรักษาความปลอดภัยเกตเวย์ของคุณ
หากคุณคิดว่าระบบเครือข่ายไร้่สายของคุณมีความปลอดภัยอย่างดีเยี่ยมอยู่แล้วล่ะก็คุณควรจะเปลี่ยนความคิดเสียใหม่เนื่องจากในปัจจุบันมีมาตรฐานระบบรักษาความปลอดภัยแบบใหม่ของ Wi-Fi ที่เรียกว่า Wireless Protected Access 2 หรือ WPA2 ที่ได้เพิ่มระบบการเข้ารหัสระดับสูงเข้าไปด้วยแต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็ยังไม่ยอมปรับปรุงระบบของตัวเองไปใช้มาตรฐานดังกล่าวถึงแม้ว่ามาตรฐานนี้จะเปิดตัวไปมากกว่า 9 ปีแล้วก็ตาม
การเปลี่ยนไปใช้ระบบรักษาความปลอดภัยแบบ WPA2 เป็นสิ่งที่ค่อนข้างง่ายและคุ้มค่าในการลงมืออย่างแน่นอนเนื่องจาก ระบบ WPA แบบเก่านั้นสามารถถูกเจาะได้โดยง่ายมากนอกเสียจากว่าคุณจะทำการตั้งพาสคีย์(Passkey)เอาไว้ยาวกว่า 20 ตัวอักษรและจะต้องไม่เป็นคำที่เกิดจากการรวมกันของคำศัำำพท์ง่ายๆที่มีอยู่ในพจนานุกรม(อังกฤษหรือภาษาอื่นๆ)
สำหรับ WEP (Wired Equivalent Privacy) ต้นตำหรับของ WPA ก็ยังคงมีการใช้งานอยู่อย่างแพร่หลายแต่คุณรู้หรือไม่ครับว่าการใช้ WEP นั้นให้ความปลอดภัยมากกว่าการที่ไม่มีการเข้ารหัสเลยเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเนื่องจากพาสคีย์ของ WEP สามารถถูกแกะได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีไม่ว่าพาสคีย์ของคุณจะถูกตั้งไว้ให้ยาวหรือสลับซับซ้อนเพียงใดก็ตาม แต่ถ้าจุดประสงค์ของการเปิดระบบรักษาความปลอดภัยของคุณมีไว้เพื่อป้องกันเพื่อนบ้านหรือผู้คนที่เดินผ่านไปมาไม่ให้ลักลอบเข้ามาใช้แบนด์วิดท์ของคุณในกรณีนี้การใช้แค่ WEP ก็นับว่าเีัพียงพอแล้วแต่ถ้าคุณต้องการที่จะเก็บไฟล์ข้อมูลต่างๆของคุณให้่เป็นความลับสุดยอดแล้วล่ะก็ ไม่ว่ายังไงคุณก็ต้องใช้ WPA2 เท่านั้น
ก่อนที่คุณจะเพิ่มการป้องกันโดยใช้มาตรฐานระบบรักษาความปลอดภัยแบบ WPA2 เข้่ากับเครือข่ายไร้สายของคุณคุณจำเป็นจะต้องทำการดาวโหลดและติดตั้งไฟล์ปรับปรุง Hotfix ของไมโครซอฟท์ที่มีชื่อว่า WPA2 hotfix for Windows XP (KB893357; find.pcworld.com/50446) ซะก่อนพร้อมทั้งควรที่จะปรับปรุงไดรเวอร์ของ Wireless card ให้เป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดซะก่อนด้วย ในหน้าจอของ Microsoft Windows Update ได้มีการแสดงไฟล์ปรับปรุงเหล่านี้อยู่บ่อยๆโดยจะแสดงภายในหมวด‘Hardware, Optional’ หรือจะทำการตรวจสอบจากเวบไซด์ผู้ผลิตอุปกรณ์ที่คุณใช้อยู่เลยก็ได้
ขั้นตอนต่อไปคือการดาวโหลดและติดตั้งไฟล์ปรับปรุง Firmware ของ Wireless Router ของคุณให้ใหม่ล่าสุดโดยสามารถดาวโหลดได้จากเวบไซด์ผู้ผลิต Wireless Router ของคุณเอง (คุณสามารถตรวจสอบอุปกรณ์ีที่สนับสนุนการทำงานของ WPA2 ได้ที่ find.pcworld.com/50448) ถ้า Router ของคุณเก่าเกินไปจนไม่มีไฟล์ปรับปรุงออกมาให้คุณก็สามารถเสียเงินเพียงเล็กน้อยประมาณ $35 เพื่ออับเกรดหรือเพิ่มมาตรฐาน WPA2 ให้กับ Router ของคุณได้
หลังจากที่คุณได้ทำการปรับปรุงอุปกรณ์ทุกอย่างของคุณเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ให้ทำการ ล็อคอินเข้าไปสู่หน้าจอการตั้งค่า Router ของคุณโดยผ่านทางเว็บเบราว์เซอร์ัทั่วไป(อ่านคู่มือของ Router เกี่ยวกับขั้นตอนที่จำเป็นอื่นๆ) จากนั้นเข้าไปหน้าจอการตั้งค่าระบบรักษาความปลอดภัย(security settings)แล้วเปลี่ยนการตั้งค่าให้เป็น WPA2 จากนั้นให้เลือก WPA algorithm ให้เป็น TKIP+AES กำหนดพาสคีย์ที่คุณต้องการลงไปในกล่องที่ชื่อ WPA Shared Key(ดูตามรูปที่ 1) และกล่องยืนยันรหัสของคุณ โดยพาสคีย์สามารถใช้ได้ทั้งตัวอักษรและตัวเลขสามารถกำหนดได้สูงสุด 63 ตัวอักษร จากนั้นให้ทำการบันทึกการตั้งค่า เพียงเท่านี้การตั้งค่าในส่วนของ Router ก็เสร็จสิ้น
ครั้งต่อไปที่คุณทำการล็อคอินเข้าสู่เกตเวย์ของคุณที่ตอนนี้ได้ถูกป้องกันเอาไว้ด้วย WPA2 เป็นที่เรียบร้อยแล้วระบบของคุณจะแสดงหน้าต่างถามรหัสพาสคีย์ที่คุณได้ตั้งเอาไว้เพียงแค่คุณใส่พาสคีย์นั้นลงไปก็สามารถเข้าสู่เครือข่ายไร้สายของคุณด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่สมบูรณ์แบบได้แล้ว