Mashup.in.th

ประวัติของ Windows Mobile หรือ Windows Phone

[dropcap2]สำหรับผู้ที่ใช้ PDA[/dropcap2] (Personal Digital Assistant) จากค่ายของ Pocket PC นั้นก็คงหนีไม่พ้นการใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows Mobile ของไมโครซอฟท์นั่นเองซึ่งวันนี้เราจะมาดูการพัฒนาและความสามารถของ Windows Mobile กันครับ

Windows CE และ Windows Mobile

Windows CE (Compact Edition) ถ้าดูตามชื่อก็คงจะแปลได้ตรงๆว่าเป็นวินโดวส์ที่มีขนาดเล็ก ซึ่งก็คงไม่แปลกครับ เพราะว่าเป็นระบบปฏิบัติการแบบ Embedded Operating System สำหรับนำไปทำงานกับอุปกรณ์ต่างๆ เช่น กล้องถ่ายรูป เครื่องซักผ้า หัวจ่ายน้ำมัน หรืออุปกรณ์อื่นๆ ซึ่งในการพัฒนาอุปกรณ์ที่ใช้ Windows CE นั้นผู้พัฒนาจำเป็นต้องทำการพัฒนาและทดสอบบน Platform Builder ที่จำลองการทำงานของสินค้านั่นก่อนแล้วจึงค่อยนำไปใช้กับระบบจริงๆ Windows CE เป็นระบบปฏิบัติการแบบ 32 บิต
ทีนี้มาดู Windows Mobile กันบ้าง Windows Mobile ก็เป็นระบบปฏิบัติการ Windows CE ประเภทหนึ่งนั่นเองที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับเครื่อง Pocket PC ที่เป็น PDA ชนิดหนึ่ง เท่ากับว่า Pocket PC ก็เป็นเพียง 1 ในอุปกรณ์หลายๆชนิดที่ใช้ Windows CE ในการพัฒนานั่นเอง แต่ในความเป็นจริงแล้วยังมี Pocket PC รุ่นเ่ก่ามากๆที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows CE อยู่เหมือนกัน
แต่การใช้งาน Pocket PC นั้นจะแตกต่างกับอุปกรณ์อื่นๆที่ใช้ Windows CE ก็คือผู้ใช้จำเป็นต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน ผู้ใช้แต่ละคนก็มีความต้องการในการใช้งานที่ต่างกัน ดังนั้น Windows Mobile ที่ใช้ใน Pocket PC แต่ละเครื่องจึงต้องมีมาตรฐานเดียวกันสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน ไปจนถึงการติดตั้งโปรแกรมใหม่ๆลงไปตามความต้องการของผู้ใช้ได้ พูดให้ง่ายกว่านั้นก็เป็นเหมือนกับระบบปฏิบัติการ Windows ที่ทำงานบน Pocket PC นั่นเอง แต่อย่างที่บอกไปครับว่า Windows CE นั้นเป็นอุปกรณ์ที่ทำงานบน Embedded Operating System ดังนั้นตัว Windows Mobile เองจึงต้องถูกผู้ผลิต Pocket PC นำเอาไปพัฒนาและใส่ลงไปใน Pocket PC ของตัวเองที่มีการออกแบบมาแตกต่างกัน (แต่สามารถติดตั้งโปรแกรมได้เหมือนกันแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้) เราจึงไม่สามารถซื้อแผ่นระบบปฏิบัติการ Windows Mobile มาแล้วไปติดตั้งใน Pocket PC เครื่องต่างๆได้

พัฒนาการของ Windows Mobile ของ Pocket PC

ในตอนเริ่มต้นในปี 1996 ระบบปฏิบัติการสำหรับ Pocket PC (ตอนนั้นยังเรียกว่า Palm- Size PC) ได้ใช้ Windows CE 1.0 เป็นระบบปฏิบัติการคือเป็นวินโดว์สที่พยายามย่อขนาดจาก Windows 95 ลงมา ต่อมาช่วงปี 1997-1999 จึงได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องกลายเป็น Windows CE 2.0 ในขณะเดียวกันนั้น ในปี 1998 ได้เริ่มมีการผลิต Palm-Size PC ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows CE2.01 และในปี 1999 ก็ผลิต Palm-Size PC ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows CE 2.11 ซึ่งต่อมาพัฒนาไปสู่ Pocket PC ในปัจจุบัน
ต่อมาในปี 2000 Windows CE 3.0 จึงได้ถือกำเนิดขึ้นมาซึ่งจะแบ่งการทำงานสำหรับอุปกรณ์ต่างๆกัน เช่น Handheld PC (HPC), Pocket PC, Smart Phone แต่ตัวที่ทำงานบน Pocket PC นั้นได้ทำการเปลี่ยนชื่อเรียกเป็นระบบปฏิบัติการ Pocket PC 2000 และ Pocket PC 2002 ตามลำดับ โดยเริ่มใช้จอแสดงผลแบบ 65,536 สี
ในปี 2003 นับได้ว่าเป็นการพัฒนาครั้งใหญ่โดยไมโครซอฟท์ได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Windows Mobile 2003 ที่มีการใช้งานคล้าย Pocket PC 2002 (Windows CE 3.0) แต่สามารถทำงานได้โดยใช้พลังงานที่น้อยลง ตัวเครื่องมีขนาดเล็กลงทำให้ Pocket PC เริ่มมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากขึ้น ตรงนี้เองที่ Windows Mobile นั้นได้แบ่งออกเป็น 2 ทาง คือ Windows Mobile สำหรับ Pocket PC และ Windows Mobile สำหรับ Smart Phone

ในปี 2004 ไมโครซอฟท์ได้ทำการปรับปรุงเพิ่มเติม Windows Mobile 2003 (Windows CE 4.0) โดยใช้ชื่อใหม่ว่า Window Mobile 2003 Second Edition ซึ่งการเปลี่ยนแปลงหลักๆคือการแสดงผลความละเิีอียดในระดับ VGA (480×640 Pixel) พร้อมทั้งสามารถหมุนจอเพื่อแสดงผลในแนวนอนได้

รูปที่ 1 ระบบปฏิบัติการ Windows Mobile รุ่นต่างๆ

มาถึงปี 2005 ที่ไมโครซอฟท์ได้มีการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆอีกหลายรายการ หนึ่งในนั้นก็คือระบบปฏิบัติการ Windows Mobile 5.0 (Windows CE 5.0) ในครั้งนี้ถือเป็นการพัฒนาครั้งใหม่ที่ยังไม่เคยมีมาก่อนโดยสามารถสรุป สิ่งใหม่ๆที่เพิ่มเข้ามาใน Windows Mobile 5.0 ดังนี้

  1. ข้อมูลของคุณจะไม่หายไปเมื่อแบตเตอรี่หมด ในระบบปฏิบัติการ Windows Mobile ที่ผ่านมานั้น ถ้าแบตเตอรี่ของคุณ(ทั้งแบตเตอรี่หลักและสำรอง)หมดลงนั่นหมายความว่าเครื่องของคุณจะทำการ Hard reset ตัวเองข้อมูลทุกอย่างจะหายไปทันที คุณจะได้เครื่อง Pocket PC เหมือนกับตอนที่เพิ่งซื้อเครื่องมาใหม่ นั่นเป็นเพราะว่าข้อมูลทุกอย่างจะเก็บอยู่ใน RAM ที่จำเป็นต้องมีไฟฟ้าสำหรับเลี้ยงข้อมูลอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อไฟฟ้าเหล่านั้นหมดลง ข้อมูลทุกอย่างก็เป็นอันต้องหายไป
    ปัญหานั้นจะหมดไปใน Windows Mobile 5 เนื่องจากได้มีการเปลี่ยนรูปแบบการเก็บข้อมูลมาเป็นแบบ Persistent Storage แทนการทำงานแบบ Persistent Storage นั้นเป็นการทำงานที่ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการจากเครื่อง Pocket PC อยู่แล้ว ในระบบเก่านั้นถ้าคุณไม่ได้ทำการชาร์จ Pocket PC สัก 2-3 วัน ข้อมูลที่เก็บอยู่ในเครื่องของคุณก็จะหายไปทันที แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ครับ ข้อมูลของคุณจะถูกเก็บไว้ที่ Flash ROM แทนซึ่งในส่วนนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ไฟเลี้ยง ดังนั้นถึงแม้ว่าแบตเตอรี่จะหมด แต่ข้อมูลของคุณก็ยังอยู่ครบถ้วนแน่นอน ส่วน RAM ที่มีมาให้กับเครื่องนั้นก็ทำหน้าที่เวลาที่เราทำการเรียกใช้งานโปรแกรมนั่นเอง
    ฟังดูก็เหมือนกับการทำงานของ Windows บนเครื่อง PC นั่นแหละครับ ที่เราทำการเก็บข้อมูลต่างๆเอาไว้ที่ฮาร์ดดิสก์ แต่เวลาจะทำงานต้องมีการเรียกมาเก็บไว้บน RAM ซะก่อนข้อดีที่ได้จากการทำงานแบบนี้นอกจากข้อมูลของคุณจะอยู่ถาวรแล้วยังเป็นการประหยัดแบตเตอรี่ของคุณได้มากโขอีกด้วยเนื่องจากไม่ต้องใช้ไฟไปเลี้ยง RAM ตลอดเวลาแล้วนั้นเองทำให้แบตเตอรี่ความจุเท่าเดิม สามารถทำงานได้นานขึ้นนอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Image update ที่ต้องพูดถึงในหัวข้อนี้เนื่องจากเป็นการพัฒนาให้รูปแบบในการอับเกรดระบบปฏิบัติการบน Pocket PC นั้นเปลี่ยนไป จากเดิมเวลาที่เราต้องการอับเกรดหรือ patch ระบบปฏิบัติการต่างๆของเรานั้น เราต้องสูญเสียข้อมูลทั้งหมดไป(Hard Reset) แต่ด้วยเทคโนโลยี Image update ทำให้การอับเกรดระบบปฏิบัติการนั้น ง่ายเหมือนกับติดตั้งโปรแกรมธรรมดาตัวนึงเท่านั้นเอง
  2. คุยกับ Pocket PC ได้ง่ายขึ้น ด้วยระบบการจดจำเสียงแบบใหม่ที่ไมโครซอฟท์ทุ่มงบในการวิจัยและพัฒนาไปหลายสิบล้านบาทเลยทีเดียวซึ่งในครั้งนี้ไมโครซอฟท์ทำออกมาได้ดี และดูเหมือนว่าจะทำการเน้นการใช้ในไปเป็นแบบ Pocket PC Phone มาขึ้นแต่ก็ยังไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ 100% (อาจจะต้องใช้เวลาอีกหลายปี) แ่ต่จากการทดลองใช้ Voice command ใน Windows Mobile 2005 Phone edition นั้นปรากฏว่าทำงานได้ในระดับที่น่าพอใจ ไม่เพียงแ่ค่การสั่งให้โปรแกรมโทรศัพท์เท่านั้น ยังสามารถสั่งให้เรียกใช้โปรแกรมอื่นๆ ได้ด้วย แต่มีเทคนิคอยู่อย่างนึงคือควรใช้คำสั่งให้มีความยาวไม่น้อยกว่า 3 พยางค์จะทำให้โปรแกรมสามารถจดจำได้แม่นยำมากขึ้น
  3. หน้าตาวินโดวส์จะไม่ซ้ำกัน จากสมัยก่อนที่ Pocket PC ต้องมีรูปร่างหน้าตาที่คล้ายกันหมดทั้งระบบปฏิบัติการและฮาร์ดแวร์ แต่ใน Windows Mobile 5.0 นี้ทางไมโครซอฟท์ได้เปิดกว้างมากขึ้นในการที่จะให้ผู้ผลิตแต่ละราย ทำการแก้ไขและพัฒนา Windows Mobile 5.0 ของตนเองให้มีความแตกต่างกันเกิดขึ้นเพื่อทำการตลาดต่างๆกัน เช่น บางรายอาจจะมุ่งไปที่การสร้างผลิตภัณฑ์ Pocket PC ที่เน้นไปทางเกม การถ่ายรูป การใช้งาน GPS หรืออื่นๆ เป็นต้น แต่ถึงตัวแกนหลักของระบบปฏิบัติการนั้นก็เหมือนกัน สามารถติดตั้งโปรแกรมเพิ่มเติมได้เหมือนๆกัน ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้ทั้งทางไมโครซอฟท์ และ ผู้ผลิต สามารถทำการวิจัยตลาดได้ว่ารูปแบบไหนจึงจะโดนใจผู้ใช้มากที่สุด
  4. โปรแกรมจากผู้่พัฒนาอื่นๆที่เพิ่มขึ้นมากมาย เช่นเดียวกันกับ Windows สำหรับ PC โปรแกรมสำหรับใช้งานประเภทต่างๆจะมีให้เห็นมากขึ้นบน Windows Mobile 5.0 นี้แน่นอนว่ายิ่งมีโปรแกรมให้เลือกใช้มากเท่าไหร่ ก็จะทำให้ตลาดของ Windows Mobile ใหญ่ขึ้นมากเท่านั้น และจะทำให้การพัฒนาระบบปฏิบัติการรุ่นต่อไปเป็นไปอย่างราบลื่นมากขึ้น

คุณสมบัติใหม่อื่นๆ การพัฒนาคุณสมบัติของโปรแกรมมาตรฐานทั่วไปที่มาพร้อมกับ Windows Mobile 5.0 นั้นทำได้ดีขึ้นมากมาย ดังนี้

Windows Mobile 5.0 AKU 2 มาพร้อมกับ Direct Push E-mail
Direct Push E-mailเป็นชื่อที่ใช้เรียกเทคโนโลยี Push E-mail ของตัวเอง ซึ่งเทคโนโลยี Push E-mail นี้จะเป็นการใช้งานอีเมล์ร่วมกับ Exchange Server ที่จะทำการส่งอีเมล์มาให้ผู้ใช้ทันทีโดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องร้องขอหรือคอยเข้าไปตรวจสอบด้วยตัวเอง เปรียบเสมือนการใช้งาน SMS ที่สามารถส่งข้อความได้ไม่จำกัดทั้งยังสามารถแนบไฟล์ไปได้ด้วย ในเริ่มแรกเทคโนโลยีนี้ถูกพัฒนาโดย Research In Motion (RIM) หรือผู้ผลิต Pocket PC จากค่าย Black Berry นั่นเอง

นอกเหนือจาก E-mail แล้ว Push E-mail ยังสามารถทำการ Sync ข้อมูล PIM (Personal Information Management) ต่างๆได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Calendar, Task หรือ contact ได้โดยที่ไม่ต้องผ่าน Cradle ที่สำคัญเราไม่จำเป็นต้องสั่งให้โปรแกรมทำการ Sync เพราะทาง Exchange Server จะทำการ Push ข้อมูลเหล่านั้นมาให้เราอยู่แล้ว
ระบบปฏิบัติการ Windows Mobile 5.0 ที่จะสามารถใช้เทคโนโลยีนี้ได้นั้นจะต้องเป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นที่ได้ทำการแก้ไขแล้วโดยจะเรียกว่า AKU (Adaptation Kit Update 2) ที่เป็นการอับเดทความสามารถและแก้บั๊กต่างๆให้กับ Windows Mobile 5.0 เดิม วิธีการสังเกต ว่าWindows Mobile ของคุณนั้นเป็นรุ่น AKU2 แล้วหรือยังสามารถสังเกตได้จากหน้าจอ Today (ดูตามรูปที่ 1) จะพบว่าบริเวณที่แสดงวันที่และเวลาจะมี 2 บรรทัดถ้าเป็นรุ่นก่อนหน้านี้จะมีเพียงบรรทัดเดียว
ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าเทคโนโลยีนี้อาจจะมาแทน SMS ได้ในบางกรณีเนื่องจากข้อจำกัดที่สำคัญคือเราต้องทำการต่ออินเทอร์เน็ตไว้ตลอดไม่ว่าจะผ่านทาง GPRS หรือ Wi-Fi ผลที่ตามมาก็คือการเสียพลังงานของแบตเตอรี่ไปให้กับส่วนนี้ อีกทั้งถ้าเราต่อด้วย GPRS แบบไม่ unlimited เมื่อคุณเห็นบิลค่าใช้จ่ายตอนสิ้นเดือน อาจจะทำให้คุณเกลียดเทคโนโลยีนี้ไปเลยก็ไ้ด้

ก้าวต่อไปของ Windows Mobile
แน่นอนว่าการพัฒนาของ Windows Mobile ที่ผ่านมานั้นเป็นไปอย่างรวดเร็วมากเทคโนโลยีและโปรแกรมต่างๆได้ถูกเพิ่มขึ้นมามากมาย ทำให้่เรามีอุปกรณ์ประมวลผลที่มีประสิทธิภาพอยู่ในฝ่ามือเรา

ดังรูปที่ 2 เป็นการแสดงถึง Roadmap ของ Windows Mobile ซึ่งจะเห็นได้ว่าไมโครซอฟท์พยายามจะให้มีการพัฒนาความสามารถของ Windows Mobile ทุกๆปี ซึ่งในปี 2006 นี้ก็ได้มีเป้าหมายที่จะออกตัว Messaging Security Feature Pack (MSPF) จะเห็นได้ว่า Direct Push E-mail เป็น 1 ในเทคโนโลยีนั่นเอง
ในปี 2007 นั้นได้ใช้ชื่อเรียกว่า “Crossbow” แต่ในความเป็นจริงเมื่อมีการเปิดตัวอาจจะถูกเรียกว่าเป็น Windows Mobile 5.0 Second Edition ส่วนในเวอร์ชั่นถัดไปมีชื่อเรียกว่า Photon และดูแล้วอาจจะเป็นเวอร์ชั่นที่มีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดจนอาจจะเป็น Windows Mobile 6.0 เลยก็ว่าได้ แน่นอนว่า จะทำงานบน Windows CE 6.0 นั่นเองซึ่งมีข่าวมาว่าใน photon นั้น จะทำให้ทั้ง Windows Mobile Pocket PC และ Windows Mobile Smart phone สามารถใช้โปรแกรมร่วมกันได้

Exit mobile version