แท้จริงแล้ว ข่าวลือนี้อาจเป็นจริงแล้วด้วยข่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า Walmart เริ่มวางจำหน่าย MacBook Air ที่ใช้ชิป M1 ในสหรัฐอเมริกาในราคาเพียง 21,900 บาท
Apple ยกเลิกการผลิต MacBook Air ที่ใช้ชิป M1 ไปเมื่อต้นเดือนนี้ หลังจากเปิดตัว MacBook Air รุ่นใหม่ที่ใช้ชิป M3 เจนเนอเรชันล่าสุด แต่ดูเหมือนว่า Apple ตั้งใจจะผลิต MacBook Air รุ่น M1 ต่อไปโดยเฉพาะเพื่อจำหน่ายผ่าน Walmart แทนที่จะผ่านร้านค้าของตัวเอง
นี่เป็นครั้งแรกที่ลูกค้าสามารถซื้อ Mac ได้โดยตรงจาก Walmart ผู้ค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐฯ ไม่ได้ขาย Mac รุ่นอื่นๆ เลย เครื่องเหล่านี้ไม่ใช่ Mac ที่ผ่านการ refurbished ด้วย แต่เป็นของใหม่เอี่ยมและดูเหมือนจะเป็นสินค้าสดๆ จากโรงงาน ตามที่ John Gruber จาก Daring Fireball ระบุไว้ Apple ไม่ได้เก็บสต็อกส่วนเกินไว้สำหรับสินค้าขายดีมาหลายทศวรรษแล้ว ซึ่งสอดคล้องกับวิธีการดำเนินงานของ Apple ในยุคของ CEO Tim Cook ก่อนที่จะถูกยกเลิก Apple ขายรุ่น M1 ในราคา 30,900 บาท
MacBook Air รุ่น M1 วางจำหน่ายครั้งแรกในปี 2020 ดังนั้นตอนนี้จึงมีอายุ 4 ปีแล้ว แต่ชิป Apple silicon ก็ยังคงเพียงพอสำหรับงานประจำวันอยู่ การกำหนดค่าที่ขายในราคา 21,900 บาท ประกอบด้วยชิป M1, ที่เก็บข้อมูล 256GB และ RAM/unified memory 8GB โดยมีสีทองคำ, เงิน และเทาสเปซเกรย์ ให้เลือก หลังจากที่ Walmart ประกาศข่าว Best Buy ก็ยิงราคาต่ำกว่าโดยเสนอรุ่นเดียวกันในราคา 20,300 บาท แต่ยังไม่แน่ชัดว่าส่วนลดเพิ่มเติมนี้จะมีให้นานแค่ไหน
เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว มีข่าวลือจากเกาหลีอ้างว่า Apple ตั้งใจจะขาย MacBook ขนาด 13 นิ้วในราคาประมาณ 21,000 บาทหรือน้อยกว่า ข่าวลือระบุว่าถึงแม้ Apple ยังไม่ได้ตัดสินใจอย่างเต็มที่ที่จะผลิต Mac ราคาถูกจำนวนมาก แต่ก็ “มีโอกาสสูงกว่าที่เคย” ที่จะออกสู่ตลาดเนื่องจากยอดขาย iPad และ MacBook ร่วงลงอย่างมาก
ข่าวลือเหล่านี้มาหลังจากที่นักวิเคราะห์ Ming-Chi Kuo คาดการณ์ว่า Apple กำลังพิจารณาเปิดตัว MacBook ราคาประหยัดในปี 2024 เพื่อกระตุ้นการส่งมอบ MacBook ที่ซบเซา โดยตั้งเป้าที่จะขายให้ได้ 8-10 ล้านเครื่องต่อปีหรือมากกว่านั้น
]]>โครงการนี้จะเปิดให้นักวิจัย นักพัฒนา และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากทั่วโลกสามารถเข้าร่วมและแบ่งปันข้อมูล, โค้ด, และความรู้เกี่ยวกับหุ่นยนต์อัจฉริยะ โดยจะใช้โมเดลปัญญาประดิษฐ์แบบเปิดซึ่งพัฒนาโดย Hugging Face เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อน
คลีม็องต์ เดอลานเน ซีอีโอของ Hugging Face กล่าวว่า “การพัฒนาหุ่นยนต์อัจฉริยะเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนนั้นเป็นความท้าทายระดับโลก ดังนั้นเราจึงต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่ายเพื่อทำให้เทคโนโลยีนี้เป็นประโยชน์สูงสุดต่อมวลมนุษยชาติ”
หนึ่งในวัตถุประสงค์หลักของโครงการคือการสร้างหุ่นยนต์อัจฉริยะที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ใช้ทรัพยากรและพลังงานน้อยที่สุด ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดย Hugging Face จะเปิดเผยวิธีการประมวลผล AI แบบใหม่ที่ประหยัดพลังงานมากกว่าเดิม
นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาหุ่นยนต์ที่มีจริยธรรมและมีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยจะได้รับการปลูกฝังให้ตระหนักถึงมิติต่างๆ เช่น สิทธิมนุษยชน, ความเสมอภาค, ความปลอดภัย และจริยธรรมวิชาชีพ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อผู้คนและชุมชน
โครงการหุ่นยนต์แบบเปิดนี้ได้รับการสนับสนุนจากนักวิจัยชั้นนำจากมหาวิทยาลัยชื่อดังทั่วโลก รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศด้านเทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญและศักยภาพของโครงการที่จะสร้างอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับโลกของเราด้วยหุ่นยนต์อัจฉริยะ
สำหรับคนทั่วไป โครงการนี้จะมีส่วนอำนวยประโยชน์ในการใช้ชีวิตด้วยหุ่นยนต์ช่วยงานบ้านและงานประจำวัน ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจต่างๆ จะสามารถนำหุ่นยนต์อัจฉริยะไปประยุกต์ใช้ในกระบวนการผลิตและการทำงานต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่ายิ่งขึ้น
ภายใต้แนวคิดหลักคือการทำให้เทคโนโลยีหุ่นยนต์เป็นประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง โครงการนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวไปสู่อนาคตแห่งความยั่งยืนด้วยนวัตกรรมหุ่นยนต์อัจฉริยะที่จะเปลี่ยนแปลงโลกของเราไปตลอดกาล
]]>โมเดล AI ใหม่ของ Anthropic ซึ่งยังไม่ได้รับการตั้งชื่ออย่างเป็นทางการนั้น มีขนาดใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 10 เท่า โดยประกอบด้วยพารามิเตอร์มากถึง 180 พันล้านตัว ซึ่งทำให้มีประสิทธิภาพการประมวลผลสูงกว่าโมเดลยักษ์ใหญ่ของ OpenAI, Google และ DeepMind
ที่สำคัญคือโมเดลนี้สามารถเข้าใจและให้คำตอบได้อย่างมีเหตุมีผลราวกับมนุษย์มากกว่าโมเดล AI แบบเดิมๆ โดยผลการทดสอบพบว่ามีความถูกต้องในการตอบคำถามถึง 92% ในขณะที่โมเดลคู่แข่งอื่นๆ มีความถูกต้องประมาณ 75-85% เท่านั้น
นอกจากนี้ Anthropic ยังประกาศว่าโมเดลนี้เป็นโมเดล AI แรกในโลกที่ผ่านการทดสอบจริยธรรมจากองค์กรกำกับดูแลอย่าง Ethics Board อีกด้วย โดยโมเดลจะปฏิเสธคำสั่งใดๆ ที่เป็นการละเมิดกฎหมายหรือจริยธรรม และจะให้คำแนะนำในการตัดสินใจที่ถูกต้องเสมอ
ดาเนียล ซูสกินด์ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Anthropic กล่าวว่า “เป้าหมายสูงสุดของเราคือการสร้าง AI ที่แข็งแกร่งเพื่อเป็นประโยชน์แก่มนุษยชาติอย่างแท้จริง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการควบคุมด้านจริยธรรมที่เข้มงวด เราจะใช้ประโยชน์จากความสามารถของ AI เพื่อแก้ปัญหาที่ซับซ้อนและท้าทายต่างๆ แต่ก็จะดูแลให้มันทำงานอย่างมีจริยธรรมด้วยเช่นกัน”
ผลงานล่าสุดนี้ของ Anthropic นับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงที่มีเหตุผล จริยธรรม และความปลอดภัย ซึ่งคาดว่าจะได้รับการนำไปประยุกต์ใช้งานในหลากหลายสาขา ตั้งแต่การแพทย์และวิทยาศาสตร์ ไปจนถึงการศึกษาและการเงิน โดยมีบริษัทยักษ์ใหญ่หลายรายสนใจที่จะร่วมมือกับ Anthropic แล้ว
แม้ความสำเร็จของ Anthropic จะสร้างความตื่นตระหนกให้แก่คู่แข่งรายอื่นๆ แต่ก็นับเป็นข่าวดีสำหรับวงการ AI โดยรวม เนื่องจากจะทำให้การพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น พร้อมๆ กับการให้ความสำคัญกับจริยธรรมและความปลอดภัยควบคู่กันไป
จากนี้ไป เราคงต้องจับตามองการเคลื่อนไหวของบรรดาบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ที่พยายามแข่งขันสร้างสรรค์นวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ชั้นนำ เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการใช้งาน AI อย่างเหมาะสมและมีคุณค่าต่อสังคมโลก
]]>ด้วยกล้องเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่ติดตั้งอยู่ Vision Pro สามารถสแกนและวิเคราะห์ร่างกายผู้สวมใส่ได้อย่างละเอียดและแม่นยำ เซ็นเซอร์เหล่านี้รวมถึงกล้องความละเอียดสูงที่สามารถมองเห็นรายละเอียดของดวงตา, เซ็นเซอร์วัดชีพจร, อุณหภูมิ และระดับน้ำตาลในเลือด
ข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปวิเคราะห์ด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงของ Apple เพื่อประเมินสภาพร่างกายและให้คำแนะนำด้านสุขภาพที่เฉพาะเจาะจงสำหรับแต่ละบุคคล ยกตัวอย่างเช่น หากตรวจพบความผิดปกติของรูปร่างหรือการเคลื่อนไหวของม่านตา ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงโรคเบาหวานขั้นรุนแรงหรือภาวะสมองเสื่อม Vision Pro ก็จะแจ้งเตือนให้ผู้สวมใส่ทราบและแนะนำให้พบแพทย์โดยเร็ว
นอกจากการตรวจสุขภาพแล้ว Vision Pro ยังสามารถช่วยในการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายได้ด้วย ด้วยความสามารถในการสร้างสภาพแวดล้อมเสมือนจริง Vision Pro สามารถจำลองสถานการณ์ต่างๆ ที่ใช้ในกายภาพบำบัด เช่น การเดินบนพื้นที่ไม่สม่ำเสมอ การออกกำลังกายแบบต่างๆ ฯลฯ ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยสามารถฟื้นฟูร่างกายได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด
การนำเสนอ Vision Pro เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับการดูแลสุขภาพในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของ Apple ที่มุ่งสร้างนวัตกรรมที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลก และ Vision Pro ก็น่าจะเป็นก้าวสำคัญในการปฏิวัติวงการการแพทย์และสาธารณสุขอีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่ Apple Watch ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมากต่ออุตสาหกรรมเวิร์นาเบิลเทคโนโลยีมาแล้ว
ตามรายงานจากนิตยสาร JAMA Internal Medicine ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์ทางการแพทย์ที่มีชื่อเสียง ระบบสุขภาพผ่าน Vision Pro จากข้อมูลที่ได้รับการตรวจสอบแล้วสามารถแยกโรคได้ถึง 168 ชนิดด้วยความแม่นยำสูงถึง 94% ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของเทคโนโลยีนี้
นอกจากนี้ การที่ผู้ป่วยสามารถรับการดูแลรักษาผ่านแว่น Vision Pro ได้นั้น จะช่วยลดภาระให้แก่โรงพยาบาลและสถานพยาบาลต่างๆ ได้เป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้ป่วยบางรายไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้ว และนี่น่าจะเป็นทางออกที่ช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ได้ระดับหนึ่ง
ความก้าวหน้าครั้งนี้ของ Apple ได้สร้างความตื่นตระหนกให้แก่บรรดาคู่แข่งอย่าง Meta และ Microsoft ที่กำลังผลักดันอุปกรณ์ AR/VR ของตนเองอยู่เช่นกัน เนื่องจากพวกเขาต้องเร่งพัฒนาเพื่อให้ทันกับคอนเซ็ปต์การใช้งานด้านสุขภาพของ Apple แต่ในขณะเดียวกันก็มีเสียงวิจารณ์จากนักวิชาการบางส่วนที่กังวลว่าเทคโนโลยีนี้อาจก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้นหากมีราคาแพงเกินไป
]]>วิธีการทำงาน
ไม่จำเป็นต้องบันทึกตั๋วหรือบัตรผ่านทุกครั้งที่ได้รับผ่านทางอีเมลหรือแอปแชทอีกต่อไป Google Wallet สามารถตรวจจับสิ่งเหล่านี้และเพิ่มลงในส่วนที่เหมาะสมภายในแอปได้โดยอัตโนมัติ
เมื่อคุณได้รับตั๋วหนัง บัตรขึ้นเครื่อง ตั๋วคอนเสิร์ต หรือบัตรผ่านอื่นๆ ผ่านทางอีเมลหรือแอปแชท Google Wallet จะรู้จักและเสนอให้บันทึกไว้ในแอปอย่างปลอดภัย ซึ่งช่วยลดความสับสนในกล่องจดหมายและรวบรวมตั๋วและบัตรผ่านสำคัญทั้งหมดไว้ในที่เดียวอย่างเป็นระเบียบ
บัตรผ่านจะถูกดึงมาโดยใช้กฎการส่งต่อที่ตั้งไว้กับบัญชี Gmail ของคุณและความสามารถในการแยกวิเคราะห์ข้อมูลภายในข้อความของ Google เพื่อความปลอดภัยเพิ่มเติม เฉพาะตั๋วและบัตรผ่านที่คุณบันทึกไว้เท่านั้นที่จะซิงค์กับ Google Wallet
การอัปเกรดของ Wallet ล่าสุด
ฟีเจอร์เสริม Wallet ครั้งนี้ต่อยอดจากการอัปเดตที่มีประโยชน์หลายอย่างที่ Google ได้นำมาแล้วเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งรวมถึง
ด้วยการบูรณาการที่ราบรื่นและการป้อนข้อมูลอัตโนมัติเช่นนี้ Google Wallet กำลังพัฒนาเป็นเครื่องมือวางแผนการเดินทางที่จำเป็นไม่แพ้การแทนที่กระเป๋าสตางค์จริง
ฟังก์ชันการบันทึกตั๋ว/บัตรผ่านอัตโนมัติใหม่นี้ใช้ได้แล้วสำหรับผู้ใช้ Android เมื่อ Google ยังคงปรับปรุง Wallet อย่างต่อเนื่อง เราสามารถคาดหวังถึงความสามารถที่มีประโยชน์อื่นๆ เพื่อทำให้กิจกรรมการเดินทางและความบันเทิงของเราสะดวกราบรื่นมากยิ่งขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
]]>มาทำความรู้จักกับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับแนวทางใหม่ของ Apple ในการอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้สามารถลบแอป Safari และข้อมูลที่เกี่ยวข้องออกจากไอโฟนได้อย่างง่ายดายมากขึ้น ก่อนที่จะทำการย้ายไปใช้สมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Android
ตามรายงานของ Mashable แหล่งข่าววงในได้เปิดเผยว่า Apple วางแผนที่จะปรับปรุงขั้นตอนการย้ายข้อมูลระหว่างระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ให้มีความราบรื่นมากขึ้น โดยจะอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถลบข้อมูลและแอปพลิเคชัน Safari พร้อมทั้งข้อมูลที่เกี่ยวข้องออกจากไอโฟนได้อย่างสมบูรณ์ก่อนย้ายไปใช้ Android
ในอดีตที่ผ่านมา แม้ผู้ใช้จะสามารถโอนย้ายข้อมูลส่วนตัว เช่น รูปภาพ รายชื่อผู้ติดต่อ ฯลฯ ได้อย่างง่ายดายแล้ว แต่ข้อมูลและแอปบางตัวจะยังคงหลงเหลืออยู่ใน iPhone อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Safari ซึ่งเป็นเบราว์เซอร์เว็บมาตรฐานจากโรงงานของ iOS นั่นเอง
ดังนั้นหากผู้ใช้ต้องการลบข้อมูล Safari รวมถึงประวัติการเข้าชม บุ๊กมาร์ก และการตั้งค่าต่างๆ ออกอย่างหมดจดก่อนเปลี่ยนไปใช้ Android จะต้องดำเนินการค่อนข้างยุ่งยากซับซ้อน
แต่ด้วยแนวทางการปรับปรุงครั้งนี้ Apple จะทำให้กระบวนการนั้นราบรื่นขึ้น โดยอาจจะมีฟังก์ชันให้ผู้ใช้สามารถลบ Safari และข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้ด้วยการคลิกเพียงไม่กี่ครั้ง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ที่ต้องการย้ายไปใช้แพลตฟอร์มอื่นให้ได้มากที่สุด
ทั้งนี้ยังไม่มีรายละเอียดว่าแนวทางดังกล่าวจะถูกนำมาใช้เมื่อใด แต่แหล่งข่าวคาดว่าน่าจะมีขึ้นควบคู่ไปกับการปล่อยอัปเดตใหญ่ในอนาคตอันใกล้ เช่น iOS 18 เป็นต้น
การเปิดกว้างและอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้มากขึ้นในลักษณะนี้ ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่า Apple เริ่มที่จะปรับตัวและแสดงความเป็นมิตรต่อการแข่งขันมากขึ้นในตลาดสมาร์ทโฟน ซึ่งน่าจะได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากผู้ใช้งานทั่วไป
ดังนั้นสำหรับท่านที่กำลังวางแผนจะเปลี่ยนจากไอโฟนไปใช้ Android ก็คงจะต้องจับตาดูข่าวสารเกี่ยวกับการอัปเดตใหม่ของ Apple อย่างใกล้ชิดต่อไป เพราะช่วงเวลาที่จะสามารถย้ายข้อมูลระหว่างระบบปฏิบัติการได้อย่างราบรื่นนั้น กำลังจะมาถึงแล้ว
]]>จากรายงานของแหล่งข่าววงในที่มีความน่าเชื่อถือสูง ระบุว่า iOS 18.2 ที่กำลังจะถูกปล่อยออกมานั้น จะมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น:
ทั้งนี้แหล่งข่าวยังระบุด้วยว่า อาจจะมีฟีเจอร์ใหม่อื่นๆ อีกตามมาเมื่อมีการปล่อยอัปเดต iOS รุ่นนี้กับผู้ใช้งานจริง อย่างไรก็ตาม รายละเอียดฟีเจอร์ที่กล่าวมาก่อนหน้านี้น่าจะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของฟีเจอร์ทั้งหมด
การคาดการณ์กันในแวดวงสื่อและนักวิเคราะห์ คาดว่า Apple อาจจะปล่อยอัปเดต iOS 18.2 ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2024 นี้ หลังจากการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้
หากข้อมูลดังกล่าวเป็นจริง iOS 18.2 ก็จะเป็นอัปเดตที่น่าตื่นเต้นสำหรับแฟนๆ Apple เป็นอย่างมาก เนื่องจากจะได้พบกับฟีเจอร์ใหม่ๆ และประสบการณ์การใช้งานสมาร์ทโฟนที่ดียิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งต่างจากการอัปเดตเพียงเพื่อแก้บั๊กหรือปรับปรุงประสิทธิภาพเท่านั้น โดยเราจะต้องมาคอยติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดต่อไป
]]>การค้นพบนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดกระบี่ตอนใต้ของประเทศไทย โดยทีมนักวิจัยจากหน่วยงานต่างๆ เช่น กรมทรัพยากรธรณี มหาวิทยาลัยบูรพา และสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 เป็นต้น ได้ร่วมกันสำรวจบริเวณหน้าผาชายฝั่งทะเลจังหวัดกระบี่
จากการศึกษาด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และการวิเคราะห์อย่างละเอียดถี่ถ้วน ทีมนักวิจัยสรุปได้ว่ารอยเท้าลึกลับเหล่านี้ เป็นรอยเท้าของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่ในทะเลในยุคไทรแอสสิกเมื่อกว่า 225 ล้านปีก่อน ซึ่งเป็นรอยเท้าไดโนเสาร์อายุมากที่สุดแห่งหนึ่งที่เคยค้นพบในโลก
การค้นพบในครั้งนี้มีความสำคัญมากต่อการศึกษาวิจัยประวัติศาสตร์โลกในอดีต เนื่องจากรอยเท้าเหล่านี้ให้หลักฐานทางพันธุกรรมและข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตบนโลกในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ช่วยตอบคำถามเกี่ยวกับวิวัฒนาการของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและความหลากหลายทางชีวภาพในอดีต
หัวหน้าทีมนักวิจัย ดร.เลิศชาย ณ นคร จากกรมทรัพยากรธรณีกล่าวว่า พวกเขาจะศึกษาหลักฐานชิ้นนี้ต่อไปอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อให้ได้ข้อมูลใหม่ๆ เกี่ยวกับสัตว์โบราณที่อาศัยอยู่ในทะเลช่วงยุคนั้น โดยเขาเชื่อว่าการค้นพบจะนำไปสู่องค์ความรู้ใหม่และเปิดโลกทัศน์ด้านประวัติศาสตร์ธรรมชาติให้กว้างไกลมากขึ้น
นอกจากนี้ ดร.เลิศชายยังกล่าวต่อว่า การค้นพบรอยเท้าไดโนเสาร์อายุ 225 ล้านปีครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายของซากดึกดำบรรพ์และแหล่งศึกษาประวัติศาสตร์โลกที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นสิ่งที่สาธารณชนทั่วโลกควรจะหันมาใส่ใจมากขึ้น
โดยสรุปแล้ว การค้นพบรอยเท้าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจากยุคไทรแอสสิกที่จังหวัดกระบี่ในครั้งนี้ ถือเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และประวัติศาสตร์ที่มีค่าอย่างยิ่งสำหรับประเทศไทยและโลก เป็นความภาคภูมิใจที่แสดงให้เห็นถึงมรดกทางธรรมชาติอันล้ำค่าของดินแดนแถบเอเชียอาคเนย์อย่างประเทศไทย
]]>ตามข่าวจาก TechCrunch เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2024 OpenAI ได้แต่งตั้งสมาชิกคณะกรรมการ 2 ท่านใหม่ ได้แก่ Reid Hoffman นักลงทุนและผู้ร่วมก่อตั้ง LinkedIn และ Demis Hassabis ซีอีโอของ DeepMind บริษัทด้านปัญญาประดิษฐ์ชั้นนำของกูเกิล
การเข้ามาของสมาชิกคณะกรรมการท่านใหม่ทั้งสองคนถือเป็นการเสริมแนวร่วมด้านประสบการณ์และวิสัยทัศน์ที่จะช่วยให้ OpenAI เดินหน้าสู่เป้าหมายด้านปัญญาประดิษฐ์ระดับมนุษย์และการสร้างนวัตกรรมที่ทรงพลัง
นอกจากนี้ OpenAI ยังประกาศให้ Sam Altman ผู้ก่อตั้งและซีอีโอเดิมของบริษัทกลับมารับตำแหน่งซีอีโออีกครั้ง หลังจากที่เขาลาออกไปช่วงหนึ่งเพื่อให้เวลากับโครงการอื่นๆ การกลับมาของ Altman ถือเป็นข่าวดีสำหรับ OpenAI เนื่องจากเขาเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และเป็นแรงผลักดันหลักของบริษัทตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง
ด้วยการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรใหม่นี้ เป้าหมายของ OpenAI คือการเสริมสร้างพลังในการแข่งขันและขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านปัญญาประดิษฐ์ไปสู่ระดับใหม่ เพื่อรักษาสถานะผู้นำในอุตสาหกรรมไว้ได้
การร่วมงานกันระหว่างทีมผู้บริหารใหม่ ประสบการณ์จากคณะกรรมการ และพลังผลักดันจาก Sam Altman ที่กลับมารับบทบาทซีอีโอ ถือเป็นส่วนประกอบสำคัญที่จะทำให้ OpenAI ก้าวสู่จุดสูงสุดแห่งนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ในอนาคต
แน่นอนว่านอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงภายใน สิ่งที่ผู้ใช้งานจะได้รับจาก OpenAI ในระยะต่อไปคือผลิตภัณฑ์และบริการด้านปัญญาประดิษฐ์ที่ล้ำสมัยและทรงประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะสร้างประสบการณ์และประโยชน์ใหม่ๆ ให้กับผู้คนทั่วโลกอย่างแน่นอน
]]>